สมัยเด็ก คือ เมื่อนานมาแล้วเกือบสี่สิบปี เคยฝันไว้ว่า
เมื่อเราโตขึ้น เราอยากอยู่อย่างเนี้ย... ไปนา ทำงานในนาแต่ไม่ทำมากเพราะมันเหนื่อย
อยากมีเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย มีวิทยุฟังเพลง เหมือนฝันนั้นเป็นจริงแล้วเกือบทุกประการ เปลี่ยนจากฟังวิทยุเป็นยูทูปตามยุคสมัย ไม่อยากเดินลงนาก็ขับรถไฟฟ้าลง คันนาเล็กไม่พอรถเดินได้ ก็ปรับให้ใหญ่
อยากมีกอไผ่ ไว้ฟังเสียงใบไผ่พัด ก็ปลูกเป็นป่าไผ่เสีย หน้าหนาวเงากอไผ่จะย้าว ยาว เอาไว้เป็นร่มเงาเล่นดินทรายกับเพื่อนๆ
สมัยนั้น การได้เล่นกระโดดบนกองฟางเป็นกิจกรรมที่สนุกที่สุด แม้จะแย่หน่อยตอนอาบน้ำเพราะแขนขาจะแสบๆคันๆจากคมฟางบาด แต่ไม่สาหัสอะไรนะ มีอาหารพื้นเมืองที่แสนอร่อย ใบตูม ยอดหว้า กินกะเมนูอะไรในหน้าเกี่ยวข้าว ลูกอีสานจะทราบดี เคยมีควายตัวโปรดที่ให้เราขี่ พากินหญ้าและพูดคุย พ่อตั้งชื่อให้ควายว่า อีเส็ง เพราะซื้อมาจากคนชื่อเส็ง ตั้งชื่อเจ้าของเป็นชื่อควาย เพื่อเป็นให้เกียรติแก่เจ้าของคนเก่า
เมื่อโตแล้วเราอยากให้ลูก (และเรา) มีบรรยากาศแบบนั้นบ้าง จึงทำขึ้นมาด้วยการเลือกโลเคชั่น เลือกแบบบ้านไม้ สร้างสรรค์ท้องทุ่ง ต้นไม้ บรรยากาศขึ้นมา โดยอัตโนมัติเด็กชอบกิจกรรมกลางแจ้งมาก เลือดชาวนาเข้มข้น พยายามช่วยงานเท่าที่ยังไม่เบื่อ
ถ้าลงทุ่งอย่างคนคงแก่เรียนแบบเนเชอรัลลิส ก็จะได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเสมอ หาความรู้เพิ่มจากการสังเกตนั้น ยิ่งถ้าลงนาแบบชาวนาตัวจริงก็จะมองหาแต่หอยเชอรรี่ พืชที่เป็นศรัตรูข้าว ถ้าไปอย่างนักล่าก็จะเริ่มประเมิณปลา ปู ระดับน้ำและคันเบ็ด ถ้าไปถ่ายรูปก็จะไม่เห็นอะไรเลย นอกจากความงามของตนเอง (โหมดเชลฟี่ กล้องหลอกลวง) ถ้าไปอย่างคนขายข้าวก็จะทุกข์เนื่องจากรัฐจะกำหนดราคาข้าวเท่าไร ปีนี้หนอ เคยถามหลานสาวว่า นี่ต้นอะไรคะ ต้นหอมค่ะ ถามสามี นี่ต้นอะไรคะ ต้นใบเตย เอิ่มมม มันคือ ต้นกก ที่เอามาทำเสื่อน่ะค่ะ
เราเดินลงทุ่งแต่ละวัน วันละอารมณ์ สองอารมณ์ อยู่ในทุ่งจนกว่ายุงจะมา ก็กลับบ้าน เดินกลับบ้านประมาณ 20 ก้าวก็ถึง อ้อ บ้านเราอยู่ในทุ่งค่ะ ทุ่งสันสะเก็ด เรียกตามพ่อบ้านว่า สันสะเก็ดฟาร์ม
Comments